40 Weeks 1 Day

40 Weeks 1 Day

ได้ฤกษ์เสียที

กว่าจะได้ up blog นี้ ล่วงเลยเวลาไปนาน เราะเพิ่งได้มีโอกาสมานั่งจับคอมพิวเตอร์เอง เอาเป็นว่าไม่ให้เสียเวลา มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

เช้าวันที่ 17/04/2011 หลังจากเมื่อวานซัดทุเรียนพันธุ์นกกระจิบไป 1 ลูก ขนาดแค่ 4 กิโล 555 เลยมีผลให้กลางคืนรู้สึกเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าทุกคืน พอสักเกือบ ๆ 6 โมงเช้า ก็เกิดเหตุ มีเลือดออกมา โอ้ รีบมาปลุกพี่ตู่บอกพี่ตู่มีเลือดออกทำไงดี โทรไปถามที่โรงพยาบาลก่อนดีไหม พี่ตู่ก็อืม ๆ แล้วหลับไป

เราก็เลยโ?รไปที่โณงพยาบาล ด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่บอกว่า ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ โทรไม่ติด เวรกรรมมาก ๆ นั่งรอเวลา เปิดคอม เข้า PANTIP FACEBOOK นับเวลาปวดท้อง ซึ่งปวดนิด ๆ ใน 15 นาที ปวดประมาณ 3 ครั้งได้ รอจน 7 โมง ไปอาบน้ำ

ตอนนี้ก็ยังโทรไปที่โรงพยาบาลไม่ติดอยู่ดี รอจนอาบน้ำ ต่งตัวเสร็จ ปลุกพี่ตู่ ก็เกือบ 8 โมงแล้ว บอกพี่ตู่ไปโรงพยาบาลเถอะ พี่ตู่ก็ทำหน้างง ๆ ไม่รู้งงอะไร พอพี่ตู่อาบน้ำเสร็จ ก็ถามเราว่าเป็นอะไรยังไง เหมือนจำไม่ได้ ระหว่างไปโรงพยาบาลก็แวะซื้อขนมปังลูกเกดที่ เซเว่นกินลองท้องไปหน่อย เพราะหิวด้วย โชคดีรถไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่เรายังคงชิว ๆ ได้สบายมาก

พอมาถึงโรงพยาบาล ลงรถ เห็นคุณหมอที่เคยตรวจครรภ์กำลังเดินมาเก็บของที่รถพอดี คุณหมอก็เลยเดินมาถามว่า อาการเป็นอะไร ยังไง พอเข้าไปที่ห้องคลอด ก็มีคุณพยาบาลมา ตรวจการเต้นของหัวใจ ถามอาการ แต่วันนี้ตอนใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจลูกเต้น ทำไม ถึงได้ยินที่ท้องน้อยด้านขวา ทุกทีจะต้องเป็นด้านซ้าย แปลก ๆ แฮะ คุณพยาบาลมาตรวจภายในต่อ ปากมดลูกเปิด 2 cm แล้ว ดีใจจัง

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คุณพยาบาลบอกคุณหมอว่า ไม่แน่ใจว่าหัวเด็กหรือเปล่า เพราะมันดูนิ่ม ๆ จัง คุณหมอเลยต้องมาตรวจอีกรอบ แล้วคุณหมอก็บอกว่า น่าจะเป็นท่าก้น แล้วก็ต้องไป ultrasound ดู แล้วก็เป็นท่าก้นจริง ๆ คุณหมอเลยให้ผ่าเลย พร้อมกับเรียกทีมที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จกลับมาอีกรอบ

คุณพยาบาลก็เรียกเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เซ็นต์เอกสาร ไม่มีโอกาสได้ปรึกษาพี่ตู่ ที่ว่าจะให้พี่ตู่มาอยู่ใกล้ ๆ ตอนคลอดเป็นอันจบ พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็โดนโกนขนตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงน้องน้อย สวนอุจจาระ แล้วก็รอให้เราถ่ายก่อน แต่ยังไม่ค่อยได้เริ่มปวดเลย คุณพยาบาลก็เดินมาตาม รออีกเดี๋ยวก็เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ออกมานอนบนเตียงอีกเตียง เจาะน้ำเกลือ และใส่สายปัสสาวะ

แล้วก็เข็นเราเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอวิสัญญีก็ถามว่าเคยผ่าตัดไหม ไอ้เราก็ครั้งแรก ใจเนี่ยไปอยู่ตาตุ่มแล้ว กลัวมาก ไม่รู้ยังไง คุณหมอวิสัญญีก็บอกถามชื่อ แล้วบอกว่า ถ้าให้ทำอะไรก็ทำตามนะ แล้วเค้าก็ให้เราเอาแขนซ้ายไปวางบนโต๊ะข้าง ๆ แขนขวาก็เช่นกัน แล้วก็มีหน้ากากออกซิเจนมาครอบ แต่ครอบแล้วเหือนหายใจไม่ออก คุณหมอวิสัญญีบอกว่า มีให้เลือก 2 อย่าง คือ แบบรู้ตัวกับไม่รู้ตัว จะเอาแบบไหน แต่เอาแบบไม่รู้ตัวไปแล้วกันนะ เอ๊ะ แล้วจะถามทำไม

สักเดี๋ยวก็มีเหล็กฉากมาวางตรงหน้าเรา พร้อมผ้ามาคลุม ๆ หลายชั้น พยาบาลหมอมาทางยาฆ่าเชื้อ หรืออะไรสักอย่างตรงที่จะทำการผ่าตัด พร้อมกับบอกว่า ถ้าหลับก็หลับไปเลยนะ จะเริ่มรู้สึกแสบ ๆ น้ำเกลือหน่อย เราเองก็เริ่มแสบ ๆ เหมือนกัน แล้วสติก็วูบลงเหมือนโลกมืด

เราตื่นขึ้นมาหลังผ่าตัดหลังจสกได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเรา ถามอาการวางเป็นไงบ้าง แต่ตอนนั้น ทั้งงง ทั้งมึนไปหมด ลูกอยู่ไหน พี่ตู่อยู่ไหน เจ็บแผลด้วย อะไรกันเนี่ย สักเดี๋ยวคุณพยาบาลก็บอกว่า เดี๋ยวจะพาสามีและลูกมานะคะ แล้วพี่ตู่ก็อุ้มลูกเดินมา เราเห็นลูกครั้งแรก ตาเค้าแบ๋วมาก หัวดำ มองแล้วเหมือนพี่ตู่ตัวเล็กเลย พี่ตู่เดินมาจุ๊บที่หน้าผากบอก “ขอบใจนะจ๊ะ” ลูกหนัก 3200 กรัม แต่เรายังคงมึน ๆ แล้วก็เริ่มคลื่นไส้ อ้วกไปหนึ่งที คุณพยาบาลก็มาบีบนม มีน้ำนมไหลออกมาซึม ๆ พร้อมกับเอาลูกมาดูดกระตุ้นครั้งแรก แต่ลูกหายใจเร็วดูดได้สักเดี๋ยวคุณพยาบาลก็พาไปให้ออกซิเจน พร้อมกับพาเราขึ้นห้องพักฟื้น

ระหว่างนี้ หลับ ๆ ตื่น ๆ เบลอ ๆ บอกไม่ถูก จนขึ้นมาได้ ก็ได้ยินแต่พยาบาลบอกว่าเดี๋ยวจะพาลูกมาให้นะคะ รอก่อน พี่ตู่ก็เดินมาดูหลังจากพยาบาลเปลี่ยนเสื้อผาให้เราแล้ว เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าโป๊ออกมาจากห้องผ่าตัด โอ้ว

พอเริ่มได้สติก็ถามพี่ตู่ว่าลูกออกมาตอนกี่โมง หนักเท่าไหร่ อะไรยังไง ได้ความว่า “ลูกคลอดตอน 9.54 น. หนัก 3200 กรัม แถมยังมีน้ำคร่ำน้อย ลูกอาจสำลักน้ำคร่ำ เลยหายใจเร็ว ขาแบะนิดหน่อยเพราะอยู่ท่าก้น แต่ไม่เป็นไร ดัด ๆ ขาหน่อย” สบายใจ

แล้วพี่ตู่ก็บอกว่า งงๆ เหมือนกัน เพราะพยาบาลเดินมาบอกว่าต้องผ่า ก็ดทรบอกแม่ บอกใคร สักเดี๋ยวเดินมาบอกผ่าเสร็จแล้ว งงเลย ว่าทำไม ไวจัง พี่ตู่เลยต้องวิ่งวุ่นนิดหน่อย แต่ทุกอย่างก็โอเค แต่เราสิ เจ็บแผลมาก คุณพยาบาลบอกว่าถ้าปวดมาก ขอยาแก้ปวดได้นะคะ แต่ต้องงดน้ำงดอาการ และคาสายปัสสาวะไปก่อน รอจนให้น้ำเกลืออีก 3 ขวดหมดก่อน โอ้ว ฉันจะไหวไหมเนี่ย

เฮ้อ ๆ สุดท้าย ที่ว่าตั้งใจจะคลอดเองก็ไม่ได้คลอดเองเลย อาการเจ็บท้อง ปวดท้องคลอดก็ยังไม่มี ถือว่าโชคดีที่ไม่เจ็บ 2 ต่อ คุณหมอบอกว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่เด็กจะเปลี่ยนท่าตอนโค้งสุดท้าย แหม มันทำแม่มันแสบจริง ๆ สงสัยอาจเป็นเพราะทุเรียนที่กินไป ลูกเลยทนไม่ไหว คลอดเลยเสียอย่างงั้น

เอาเป็นว่า มาดูรูปเจ้าตัวน้อยดีกว่า เป็นรูปแรกที่พี่ตู่ถ่ายมาให้ดู ส่วนเรื่องระหว่างพักที่โรงพยาบาล เดี๋ยวรออ่านต่อได้เลยนะจ๊ะ

 

39 weeks 2 days

39 weeks 2 days

ยังไม่มีอาการอะไรเลย

11/04/2011

วันนี้ได้เวลาไปพบคุณหมออีกแล้ว แถมเมื่อคืนคงกังวลมากไปหน่อย มีอาการปวดท้องอีกแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะปวดท้องแบบปวดถ่าย แต่จริง ๆ แล้ว มันปวดเหมือนเวลามีประจำเดือน ปวดหาย ปวดหาย อยู่เกือบ ๆ ชั่วโมง แล้วก็หายไป แถมตกใจอีกเรื่องที่มีมูกใส ๆ ออกมาอีก ตอนแรกนึกว่าน้ำเดิน ที่ไหนได้ คงเครียดมากเกินไปเป็นแน่

วันนี้คนไข้มาตรวจครรภ์เยอะมาก การตรวจปัสสาวะ ปกติ ชั่งน้ำหนักได้ 64.7 กิโล เอ๋ ! น้ำหนักลด ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะช่วงนี้ทั้งกินทุเรียน ทั้งหม่ำข้าวเหนียวมะม่วง ความดัน 116/59 ตรวจท้อง คุณพยาบาลบอก ท้องตึงมาก เด็กหัวยังลอยอยู่เลย แต่เอ๊ะ ทำไมคราวที่แล้วบอกหัวลง เสียหัวใจเด็กเต้นได้ 152

วันนี้โชคดี ได้เจอหมอผู้หญิงที่เคยเจาะน้ำคร่ำให้ แล้วคุณหมอก็ให้ไปขึ้นขาหยั่งตรวจภายใน แล้วคุณหมอก็บอกว่า หัวเด็กลงมาดีทีเดียว คลอดเองได้สบาย แต่ “ปากมดลูกยังไม่เปิด” แอบเซ็งเล็กน้อย คุณหมอบอกว่านัดอีกที่วันที่ 18 แล้วกัน ถ้าในช่วงนี้ยังไม่มีอาการ แต่ถ้าวันที่ 18 หมอคุณหมอจะให้นอนโรงพยาบลาแล้ว เฮ้อ คงได้โดนเร่งคลอดเป็นแน่

แล้วก็ต้องมานั่งฟังเสียงหัวใจลูก พร้อมนับลูกดิ้นอีก เพราะน้ำหนักลดอ่ะ แม้จะแค่นิดเดียวก็เถอะ แต่เจ้าตัวนี้ ก็เหมือนแค่ดิ้นเบา ๆ ตรวจช่วงที่รัดเครื่องไว้ที่พุงเท่านั้น เพราะมองเห็นพุงกระเพื่อมอยู่ แต่ทุกอย่างก็โอเค วันนี้จ่ายเงินค่าหมอไป 350 บาท เฮ้อ ส่วนอาการปวดท้องที่เป็น คุณหมอก็บอกว่าเป็นอาการเจ็บท้องเตือนเท่านั้น เซ็งไปอีกรอบ

ก่อนกลับมาที่อพาร์ตเม้นท์ แวะไปหาแม่ที่บ้าน ก็เริ่มเครียดอีก เพราะแม่จะให้ไปอยู่ที่บ้านหลังคลอด แต่เรารู้สึกไม่สะดวกเลย บอกอ้อม ๆ ไป แม่ก็เหวี่ยงใส่ ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยทำเป็นเฉย ๆ เครียดเลย เรารู้สึกว่า เราย้ายออกจากบ้านมานานแล้ว life style ก็เปลี่ยนไป อีกอย่าง สงสารพี่ตู่ด้วย เพราะที่บ้านเรามีแต่ผู้หญิงอ่ะ พี่ตู่มาอยู่ด้วยก็คงอึดอัดแน่ ๆ แถมถ้ามาอยู่ก็มาอยู่เป็นเดือนเลย ไม่อยากย้ายของไป ย้ายของมา เครียดทั้งเรื่องเจ้าตัวเล็ก เครียดทั้งแม่ ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตนี้ดี

แถมถ้าเกิดจนถึงวันที่ 18 แล้วยังไม่คลอด คุณหมอต้องเร่งคลอด แล้วก็เร่งคลอดแล้ว คลอดเองไม่ได้ ก็ต้องโดนผ่าอีก เจ็บ2 ต่อเป็นแน่ ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากได้แบบนี้นะ ตอนนี้ คงได้แต่ภาวนา “ลูกจ๋า ออกมาเสียทีเถอะ คลอดง่าย ๆ นะ แม่อยากคลอดเอง”

ปล. ถึงจะคลอดช่วงสงกรานต์ ก็มีคุณหมอเวรอยู่ประจำที่โรงพยาบาล ค่อยโล่งอก โล่งใจขึ้นหน่อย

39 weeks แล้ว ยังไม่มีอาการอะไรเลย

39 weeks

9/04/2011

วันนี้ก็ครบ 39 weeks แล้ว แต่ก็ยังคงปกติเหมือนเดิม เมื่อเช้าตื่นมาตอน 6 โมง มีอาการปวดท้อง ปวดนานอยู่ สักเกือบ ๆ 10 นาทีได้ เอานาฬิกามาจับเวลาดู ก็ปวดแล้วเบาแล้วปวด แบบทนได้อยู่แค่นั้น แล้วก็หาย แถมหลับต่อได้อีก ตื่นมาอีกที พี่ตู่ไปซื้อข้าวเช้ามาให้กิน กินเสร็จ นั่งเล่นได้สักเดี๋ยว รู้สึกปวดตูดมาก เมื่อก้นกบสุด ๆ แล้วก็เวียน ๆ หัว แต่ก็ไม่มีอะไร

พอเที่ยงก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วไป The Mall บางกะปิต่อ ยังมีอารมณ์ไปเดินทางอีก จริง ๆ ก็จะไปซื้อที่ถูพื้นอย่างเดียวแหละ และพี่ตู่ก็กะจะไปคนเดียว แต่เราอ่ะสิ อยากไปเดินเล่น แล้วก็ได้เดินเล่นสมใจ เดินเสียปวดไปหมดเลย แถมเสียว ๆ ท้องน้อยอีก เพราะมีช่วงหนึ่งกำลังเดินดูของ แล้วกำลังก้มตัวลงดู ปรากฏเจ้าตัวเล็กดิ้นขึ้นมาจนเจ็บเลย

เหนื่อยมาก ๆ และเพลียมาก ๆ ด้วย มาถึงคุยกับพี่ตู่ว่า “ถ้าวันจันทร์ไปหาหมอ แล้วหมอให้เข้าห้องคลอดเลยทำไง” พี่ตู่ก็บอกว่า “จะเก็บไว้ต่อหรือไง” 5555 ก็จริงอ่ะนะ ยิ่งพอใกล้คลอด ก็ยิ่งเครียด ยิ่งกังวล เท้าก็บวม แต่ดีนะ ไม่บวมทั้งตัว หน้าก็ไม่เปลี่ยน บางคนใกล้ ๆ คลอด หน้าตาเปลี่ยนไปเลย ถ้าแม่รู้คงโดนด่าเป็นแน่ที่ยังตะลอน ๆ ไปไหนต่อไหน ทั้ง ๆ ที่ใกล้คลอดแล้ว แถมยังต้องเฝ้าระวังเจ้าตัวเล็กให้มากกว่าเดิมอีก เพราะโค้งสุดท้ายแล้วด้วย

เสียดาย กลับมาจาก The Mall อุตส่าห์ไม่ซื้อขนมมากินเยอะ เพราะจะมาซื้อทุเรียนร้านประจำ เพราะคนขายเพิ่งเอาทุเรียนมา แต่เมื่อวานยังกินไม่ได้ ต้องซื้อเงาะ กิโลละ 100 มากินแก้ขัด และบอกให้มาซื้อใหม่วันนี้ แต่พอไปจริง ๆ ก็ยังไม่มี ถึงมีก็ยังห่าม ๆ และสุกเกินไป พรุ่งนี้ต้องไปดูใหม่อีกรอบ จะได้กินไหมเนี่ย ทุเรียน

นั่งรอเวลา นี่ก็ 38 weeks 6 days แล้วนะ

38 weeks 6 day

8/04/2011

การรออะไรบางอย่าง มันนานเหมือนกันนะนี่ ขณะตอนนี้ อายุครรภ์ก็ปาเข้าไป 38 weeks 6 days ยังไม่มีอาการเตือนเลยว่า ถึงเวลาที่ เจ้าเธียร์เตอร์ จะออกมาดูโลกภายนอกแต่อย่างไร เราเองก็ลางานเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา ส่วนพี่ตู่ก็ไม่ได้ออกไป site งานข้างนอกเลย เข้าแต่ office อย่างเดียวช่วงนี้ เพราะคาดเดาอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ

อาการโดยทั่วไปก็ยังคงมีอาการท้องแข็งอยู่บ้าง ตกขาวเยอะหน่อยช่วงเช้า ๆ มีปวดท้องบ้าง แต่ก็ไม่เท่าไหร่ มีเมื่อคืน ปวดท้องเหมือนปวดถ่าย คล้าย ๆ เวลาอาหารเป็นพิษ แต่เป็นตอนตี 2  เพราะตื่นมาเข้าห้องน้ำพอดี ตอนเริ่มปวดก็ตกใจว่า เอ๊ะ ! ปวดเตือนหรือเปล่านี่ แต่พอเริ่มคลายก็มองนาฬิกา แล้วก็ปวดอีก แต่เริ่มไม่ใช่แล้ว รีบลุกไปเข้าห้องน้ำ ปรากฏว่า ท้องเสีย พอถ่ายเสร็จอาการก็หาย เฮ้อ!

นอกนั้น ก็ยังไม่มีอะไร เจ้าเธียร์เตอร์ก็ยังคงดิ้นดีเหมือนเดิม พี่ตู่ก็ชอบเรียกให้ลูกตื่น ตอนกลางวัน เพราะกลัวกลางคืนไม่นอน เมื่อคืน เธียร์เตอร์ก็เลยโชว์ให้พ่อมันดู ดิ้นเสียพุงเบี้ยวเลย นี่หมอก็นัดอีกทีวันจันทร์นี้ ไม่รู้จะเป็นไง เพราะอาทิตย์หน้าก็สงกรานต์แล้ว กลัวหมอไม่อยู่ อีกทั้งโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ก็เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลเสียด้วย ถ้าเจ็บท้องตอนวันหยุดคงสนุกน่าดู แต่ก็คงโชคดีที่รถอาจจะไม่ติดมากก็เป็นได้

ตอนนี้ ก็ต้องร้องเพลง “รอ” อย่างเดียว ก็อย่างที่ใคร ๆ พูดว่า “พร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเค้าก็ออกมาเอง” แต่นานไปก็ไม่ดีนะ กลัวโดนผ่าคลอด ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะ แต่รู้สึกว่า คลอดเอง คลอดธรรมชาติคงจะดีกว่า อีกอย่าง พี่ตู่ก็เข้าไปเป็นเพื่อนเราได้ด้วย บอกตรง ๆ ว่า ปอดแหกเหมือนกัน ก็การคลอดลูก มันเหมือนการผ่าตัด เหมือนคนเป็นโรคอะไรสักอย่างต้องนอนโรงพยาบาล หรือเราคิดมากไปเองก็ไม่รู้ ก็แหม ในชีวิตตั้งแต่โตมา เท่าที่จำความได้ ก็ยังไม่เคยป่วยถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลเลย ยกเว้นตอนเด็ก ๆ ที่จำอะไรไม่ได้เลยแค่นัั้น

แต่ก็อย่างว่าแหละนะ ขนาดตอนนี้ ทั้งเราและพี่ตู่ก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไปเดินเที่ยวบ้าง พอเหนื่อย ๆ ส่วนเรานะหรอ พอไม่ได้ทำงาน มานั่งนิ่ง ๆ อยู่บ้านก็เริ่มขี้เกียจ จะกิน จะอน จะตื่น ผิดเวลาไปหมด ยิ่งอยู่บ้านกลางวัน ถ้าไม่ได้นั่งหน้าคอม ก็จะเริ่มง่วงตลอดเวลา นั่งนานก็ไม่ได้ ปวดก้นกบ ขาบวม จะนอนเดี๋ยวกลางคืนก็ไม่นอนอีก เวรกรรมจริง ๆ

ลูกจ๋า เมื่อไหร่จะได้เวลาออกมาเสียทีจ๊ะ พ่อ กับ แม่ รอไม่ไหวแล้วนะ

 

35 Weeks 2 Days

35 Weeks 2 Days

4/04/2011

วันนี้ มีนัดไปพบคุณหมออีกแล้ว อาการโดยทั่วไป ท้องแข็งบ่อย แต่เจ้าตัวเล็กยังคงดิ้นดีเหมือนเดิม แต่เหมือนกินอะไรได้น้อยลง ยิ่งเมื่อคืนก็เหมือนนอนไม่ค่อยหลับ สงสัยจะกังวล กลัวคลอดเป็นแน่  เลยทำให้เครียด ๆ ไปด้วย

 

อย่างเมื่อวาน อยู่บ้านคนเดียว แค่ลุกขึ้นมานั่งเล่นคอมพ์ ท้องก็แข็ง จะกินข้าว ท้องก็แข็ง กินไม่ลงแล้ว ต้องนอนพักถึงหาย เฮ้อ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ปวดหน่วง ๆ อีก แต่ปวดน้อยลง ตั้งแต่เริ่มหยุดไปทำงาน นั่งเก็บของจนเหนื่อย โชคดี ที่จัดกระเป๋าสำหรับตอนเข้าโรงพยาบาลไว้ได้สำเร็จแล้ว

วันนี้ ที่โรงพยาบาล คนไข้เยอะมาก ปรากฏว่า มีคุณหมอผู้หญิงคนเดียว เนื่องจากหมอท่านอื่นติดภาระกิจหมด การตรวจโดยทั่วไป ปัสสาวะปกติ น้ำหนัก 65 กิโลกรัม ยังคงเท่าเดิม แต่ตอนคลำท้อง มีน้อง ๆ พยาบาลและอาจารย์มากดท้องคลำดูท่าเจ้าตัวเล็กใหญ่ กดตอนแรก ๆ ก็จุก ๆ เหมือนหายใจไม่ออกเลย แต่คุณพยาบาลบอกว่า เจ้าเธียร์เตอร์กลับหัวลงอุ้งเชิงกรานแล้ว ฟังเสียงหัวใจเต้นได้ 158 ตรวจความซีด ตรวจการบวมที่ขา ปรากฏว่า ขาบวมนิดหน่อย

ระหว่างรอคุณหมอมาตรวจ เพราะต้องรอคุณหมอผ่าคลอดเสร็จก่อน ก็หิวข้าวมาก ๆ แต่โชคดีที่ผอ.ลงมาตรวจช่วยก่อนออกไปประชุม เลยเสร็จเข้ไปเกือบ ๆ เที่ยง คุณหมอก็ถามอาการโดยทั่วไป แต่ก็นัดดูอีกทีวันที่ 11/04/2011 แล้วก็เสียค่าตรวจ 50บาท พร้อมได้ทานเหล็กมากินเพิ่ม เสร็จแล้วก็เข้าไปกินข้าวที่บ้านแม่ กินได้นิดเดียวเอง ไม่รู้ว่าไม่อร่อยหรือไง แม่ให้กล้วยมาอีก 1 หวีก่อนกลับ

ระหว่างทางกลับบ้าน ก็หิวขึ้นมาอีกแล้ว เลยแวะ nawamin city เสียหน่อย หม่ำๆ starbucks ไป 1 แก้ว เดิน daiso ซิว ๆ จนรู้สึกว่า ปวด ๆ ท้อง เหมือนว่าวันนี้คงโดนกดท้องแรงไปมั้ง เลยรู้สึกเจ็บ และเริ่มหน่วง ๆ แบบเดินจะไม่ไหวแล้ว ก็เลยกลับ พอถึงห้องก็เคลิ้มหลับไป 1ตื่น ค่อยยังชั่วหน่อย อากาศวันนี้ร้อนมาก ๆ ตอนเย็นไปกินข้าวเสร็จ เดินซื้อของตลาดนัด เพราะพี่ตู่อยากกินทุเรียน แต่ทุเรียนเจ้าอร่อยเจ้าประจำ ยังไม่เอามาขายเสียที มีขายอยู่ร้านหนึ่ง แต่ไม่ขายเป็นลูก ขายแบบแกะแล้วใส่แพ็คเอา เลยอดกินไปอีก

อย่างตอนนี้ ขณะนั่งพิมพ์ ท้องยังคงตึงไปหมด แน่น ๆ มาก แต่ตัวเล็กยังคงดิ้นดี มีอาการปวดหัวนิดหน่อย บวก หน่วง ๆ ด้วย แต่ที่สำคัญยังคงเข้าห้องน้ำแทบทุก ๆ 10 นาที เข้าทุกทีก็กลัวว่าจะเจอมูกเลือด กลัวจะมีน้ำเดิน เริ่มเครียด ๆ ไม่รู้ว่าจะคลอดวันไหน มันทรมานเหมือนกันเนอะ เมื่อคืนพอคิด ๆ เรื่องคลอด ก็พาลน้ำตาจะไหล อยู่ ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมางั้น ๆ เอาหล่ะ ไปพักดีกว่า แล้วจะมาอัพความคืบหน้าต่อไปนะจ๊ะ

เริ่มนับถอยหลัง 37 Weeks

37 Weeks 2 Days

28-Mar-2011

วันนี้ ได้เวลาไปพบคุณหมอตามนัดแล้ว คุณหมอเริ่มนัดบ่อยขึ้นในช่วงนี้ เพราะใกล้คลอดเต็มที่แล้ว อาการหวัด ไอ เริ่มหายแล้ว คาดว่า กินยาอีก 1 หรือ 2 วัน ก็คงจะหยุดกินแล้วแหละ ไม่อยากกินยาเยอะอ่ะ

อากาศช่วงนี้ เย็นลงอีกแล้ว ไม่รู้จะเป็นแบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ ธรมมชาติเลวร้ายมากช่วงนี้ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม หลายอย่างเลยทีเดียว

วันนี้ มีคนไข้เยอะมาก เพราะเป็นวันจัทร์ ซึ่งทางโรงพยาบาลเปิดรับคนไข้รายใหม่ด้วย ตรวจปัสสาวะวันนี้ ปกติดี ความดัน 104/59 คุณพยาบาลคลำท้องแล้วก็แจ้งว่า เด็กกลับหัวแล้ว ดีจังเลยลูกจ๋า จะได้คลอดเองได้ และฟังเสียงหัวใจเด็กเต้นได้ 154

ออกมานั่งรอคุณหมอมาตวจไป กินข้าวโพดไป เพราะตู่ง่วงนอน ออกไปซื้อกาแฟ แถมข้าวโพดมาอีก คุณหมอตรวจแล้วก็บอกว่าโอเค อายุครรภ์เท่านี้หมอถือว่าเด็กแข็งแรงพร้อมคลอดแล้ว โดยระหว่างนี้ หากมีอาการปวดท้อง น้ำเดิน มีมูกเลือดก็ให้มาโรงพยาบาลได้เลย แต่ถ้าไม่แน่ใจอาการก็โทรเข้ามาสอบถามก่อนได้ และคุณหมอนัดอีกทีก็วันที่ 4/04/2011

อาทิตย์นี้ก็ทำงานอีก 3 วันเท่านั้นก็ได้หยุดแล้ว เพราะเราลาพักร้อนและลากิจเอาไว้ สบายจัง คลอดแล้วค่อยโทรมาลาคลอดเอาอีกที 555

36 Weeks

36 Weeks

สัปดาห์นี้ อากาศเปลี่ยนจริง ๆ เลย เดี๋ยวฝน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน จนเราไอหนักขึ้นมาก แล้วในที่สุด พี่ตู่ก็บังคับให้ลาหยุด (22/03/2011) เพื่อไปหาหมอ แหม ไม่อยากลางานเลย เพราะวันศุกร์ และวันจันทร์ที่จะถึงนี้ก็ขอลางานไว้แล้ว แต่ก็เอาเถอะ เพราะโดนขู่ไว้อีกด้วย พี่ตู่เลยพาไปส่งที่โรงพยาบาลลาดพร้าว ไปหาหมอ หมอตรวจยังไม่ถึง 5 นาที ได้ยาแก้ไอมากินอย่างเดียว บอก ถ้ามีไข้ติดต่อกัน 3 วัน หรือไอติดต่อเกิน 2 อาทิตย์ให้มาหาหมอใหม่ พี่ตู่กลับบอกว่า ตอนนั้ลูกไม่คลอดมาแล้วหรอไง

กลับมาก็มานอนพัก เพราะวันพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน เสียงก็แหบลงอีก เซ็งมาก ลูกก็ยังคงดิ้นดีเหมือนเคย พอวันรุ่งขึ้นไปทำงาน เหมือนจะไอมากขึ้น แถมกลางคืนก็ไอหนักจนตื่น จนพี่ตู่จะพาไปหาหมออีกรอบ ตอนแรกก็อิดออด แต่ก็แล้วแต่พี่ตู่ แต่ก็ไม่ไดไปจนได้ เพราะพี่ตู่ต้องเข้าไปแก้งานที่ studio ต่อ

แต่จนในที่สุด วันศุกร์ (25/03/2011) ก็ต้องไปหาหมอจนได้ โชคดีที่ลาหยุดไว้ ตอนเช้าตื่นมาก็ไม่มีอาการอะไร นอกจากยังไอเหมือนเดิม ตื่นมาก็ยังมานั่งซักผ้าอ้อมให้ลูกอยู่เลย จนปวดหลัง เจ็บมือ พอซักเสร็จ เอาแล้วสิ เริ่มเวียนหัวแล้ว แต่ก็ไม่อะไร พี่ตู่ก็ไปทำงาน เราเองก็เที่ยง ๆ บ่าย ๆ ก็หลับกลางวันยาวเลย ตื่นมาอีกที ทำไมมันทั้งมึนหัว ทั้งไอ ทั้งจาม น้ำมูกก็ไหล เลยโทรถามพี่ตู่ว่าเสร็จงานหรือยัง เพราะคิดว่าจะไปหาหมอ พี่ตู่ก็เสร็จงานแล้ว แต่คงกลับมาช้าหน่อย เพราะรถออฟฟิตไม่มี แต่ก็ไม่เป็นไร

ไปถึงโรงพยาบาล หมอก็ยังคงให้ยาแก้ไอมาเพิ่ม แล้วก็มียาแก้แพ้ กับยาพารามาเพิ่มให้ เฮ้อ หมอบอกจะให้ยาเยอะกว่านี้ก็ไม่ได้ ก็อ่ะนะ ในพุงฉันมีเด็กน้อย ๆ อยู่คนหนึ่งนี่นา หาหมอเสร็จก็ไปซื้อสบู่ร้านโปรด ร้านมาดามเฮงที่ Cristal Park แล้วซื้อของกินเผื่อไว้ ก่อนแวะกินข้าวแล้วกลับบ้าน ก่อนนอนพี่ตู่ก็อุ่นนมให้กินอีกแก้วหนึ่ง

อาการโดยรวมช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าเธีนร์เตอร์ ยังคงดิ้น และขยับตัวเหมือนเดิม มีบ้างครั้งที่ดูเหมือนนิ่ง นาน ๆ ก็เล่นเอาตกใจเหมือนกัน นอนกจากนี้ การที่เราไปแรง ๆ ก็ทำให้เจ้าเธียร์เตอร์ เกร็งตัวจนท้องแข็ง ทำเอาเจ็บไปหมด สงสารลูกจัง

ช่วงนี้ อากาศเปลี่ยน ไม่รู้เมื่อไหร่จะปกติ ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นหน้าร้อนนะเนี่ย เซ็งจริง ๆ

35 Weeks

35 Weeks

อาการโดยทั่วไปก็ยังคงเหมือนเดิม ปวดหลังมากขึ้น ปวดก้นกบมากขึ้น เดิน ๆ แล้วเหมือนก้นจะหลุดยังไงยังงั้น กินเก่งเหมือนเดิม และก็กังวลเรื่องน้ำหนักด้วย เพราะกลัวน้ำหนักจะขึ้นเยอะเกหิน และจะโดนเจาะน้ำตาลอีก ส่วนเจ้าเธียร์เตอร์ตัวน้อยในพุง ยังคงดิ้นเก่งเหมือนเดิม และเหมือนชอบแกล้ง เวลาเราเคลิ้ม ๆ จะหลับ ชอบดิ้น ๆ แถวท้องน้อยทำให้ต้องตื่นแลกไปเข้าห้องน้ำทุกที

ส่วนวันที่ไปพบคุณหมอ วันที่ 17/03/2011 นั้น โดยทั่วไปก็ไม่มีอะไรมาก ปัสสาวะปกติ น้ำหนักอยู่ที่ 63.8 กิโลกรัม ขึ้นมาจากเดือนที่แล้ว เกือบ ๆ 3 กิโลกรัมได้ แล้วก็รอดไปที่ไม่โดนกินกลูโคส เจาะวัดระดับน้ำตาล ดีใจสุด ๆ

แล้วก็เข้าไปพบคุณพยาบาล เพื่อคลำท้อง ฟังเสียงหัวใจลูก วันนี้ เธียร์เตอร์เหมือนจะเขินอายอีกแล้ว คุณพยาบาลต้องเอาเครื่องหาอยู่หลายรอบกว่าจะได้ยินเสียงหัวใจ แถมได้ยินเบา ๆ เหมือนจะหลบอีก วันนี้ วัดเสียงหัวใจเด็กเต้นได้ 142 ครั้ง ในสมุดยังเขียนส่วนนำของเด็กไว้ว่า HF อันนี้หมายความว่า ลูกเรากลับหัวแล้วใช่ไหม

พอไปพบคุณหมอ แอบตื่นเต้น เพราะกะว่าคุณหมอจะต้อง Ultrasound แน่ ๆ แต่ผิด คุณหมอไม่ทำอ่ะ ถามเรื่องยาว่าพอไหม แล้วก็ถามอาการทั่ว ไ ปแล้วก็แจ้งวันนัดไว้คราวหน้าอีกที เซ็งเลยจริง ๆ พอออกมา ก็บอกพี่ตู่ว่าไม่ได้ Ultrasound อ่ะ สงสัยหมอคงจะไว้ทำคราวหน้ามั้ง แล้วพี่ตู่ก็เดินไปจ่ายเงินค่ายา โฟเลตและยาบำรุงเลือด 50 บาท ส่วนเราก็นั่งรอเรียกไปฉีดวัคซีน

พอคุณพยาบาลเรียกฉีดวัคซีนกันบาดทะยังเข็มที่ 3 เสร็จ ก็พาไปเดินดูห้องคลอดกัน โดยเริ่มจากห้องนมแม่ก่อน ห้องนี้เป็นห้องให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการให้นมแม่แก่ลูก การเก็บน้ำนม แม่ ๆ สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลได้ทุกวัน ในวันและเวลาทำการ เสร็จแล้วก็ไปห้องสำหรับสอนการอาบน้ำลูก

ตามมาด้วยห้องพักหลังคลอด โดยเริ่มจาก ห้องพักรวม เป็นห้องพัดลม ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้ตามเวลาที่ให้เยี่ยม ต่อมาก็เป็นห้องพิเศษรวม เป็นห้องแอร์ ญาติสามารถนอนเผฝ้าได้แต่ต้องเป็นญาติผู้หญิงเท่านั้น แต่สามีก็มาเฝ้าได้จนถึง 2 ทุ่ม นะ ส่วนห้องพิเศษเดี่ยวที่นี่ มีแค่ 2 ห้อง แล้วต้องมีญาติอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนกลางคืนให้ได้เฉพาะญาติที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นถึงจะสามารถนอนเฝ้าได้

ส่วนราคาค่าห้อง คุรพยาบาลบอกว่า ถ้าคลอดแบบปกติ พักรักษาตัวประมาณ 2 – 3วัน ราคาค่าห้องอยู่ที่ 5,000 6,000 และ 7,0000 ตามลำดับ ส่วนหากผ่าคลอด ราคาก็จะอยู่ที่ 12,000 14,000 และ 16,000 บาทตามลำดับ โดยราคารวมค่าทำคลอด และค่าห้องแล้ว ส่วนหากใครต้องการทำหมันก็เพิ่มไปอีก 2,000

ส่วนห้องเด็ก ก็จะอยู่หลังเคาท์เตอร์พยาบาล แอบเห็นแม่ ๆ บางคนเอาลูกมาเลี้ยงที่เตียงด้วย ดีจัง และหากใครต้องการใบรับรองแพทย์ สามารถขอได้ทันทีตอนพักที่ห้องนี้ แต่หากลงไปขอข้างล่าง จะเสียเงินค่าขอใบรับรองแพทย์ 100 บาท และเอกสารที่ต้องเตรียมมาคือ เอกสารของพ่อแม่เด็กที่เกิด ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ทะเบียนบ้านที่จะย้ายเข้า โดยทางโรงพยาบาล จะทำการแจ้งเกิดที่เขตให้ แล้วให้เราไปรับสูติบัตรที่เขตเอง ดีเหมือนกันเนอะ

นอกจากนี้ พยาบาลยังแจ้งเรื่องการพักฟื้นหลังคลอด ซึ่งหากการคลอดไม่มีอะไรผิดปกติทั้งแม่และเด็ก พอครบเวลาพักฟื้นก็สามารถกลับบ้านได้เลย แต่หาก เด็กมีอาการผิดปกติระหว่างคลอด เช่นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อบตัว ตัวเหลือง ทางโรงพยาบาลสามารถทำการรักษาได้ แต่หากเด็กมีอาการมากกว่านี้ ทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องส่งตัวเด็กไปรักษาต่อที่อื่น เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีเครื่องมือไม่พร้อม และที่สำคัญ ทางโรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลที่เน้นนมแม่ ไม่ต้องเอาขวดนม ขวดน้ำมา และหากเด็กยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล แม่ก็ต้องอยู่ด้วยจนกว่าลูกจะได้ออกจากโรงพยาบาล

เสร็จแล้ว ก็เดินลงไปดูห้องคลอดกัน โดยต้องใส่เสื้อคลุมก่อนเข้าไปก่อน พยาบาล พาเดินไปที่หน้าห้องคลอด โยแจ้งว่า หากมาในเวลาทำหารให้มาติดต่อตรงนี้ และพาไปที่ด้านหลัง ซึ่งหากเรามานอกเวลาทำการ เราก็สามารถมาติดต่อตรงนี้ได้

เมื่อมาถึง พยาบาลจะพาเรามาตรวจดูอาการว่า เจ็บท้องจริงหรือไม่ หากจริงก็จะทำความสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพาไปที่ห้องรอคลอด หากตรวจแล้วยังไม่พร้อมที่จะคลอด ก็จะให้กลับไปที่บ้านก่อน แล้วจะต้องเสียเงิน 200 บาท เป็นค่าตรวจ โดยก่อนมา เราสามารถโทรมาถามพยาบาลเรื่องอาการก่อนมาโณงพยาบาลได้ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและเสียเงิน

แล้วก็เดินไปดูห้องรอคลอด โดยหากคนไหนได้อยู่ในโรงการตั้งครรภ์คุณภาพ ก็จะมาอยู่ห้องรวม ส่วนหากใครอยู่ในโครงการก็จะได้ไปอยู่ห้องคู่ มีสามีมาเฝ้าได้ โดยมีเงื่อนไขว่า อยู่ได้จนถึง 2 ทุ่มเท่านั้น หากยังไม่มีทีท่าว่าจะคลอด และพยาบาลจะโทรไปตามมาในตอนเช้า ส่วนหากมีทีท่าว่าจะคลอดแล้ว ก็สามารถอนุโลมให้อยู่ต่อได้

แล้วก็เดินไปดูห้องคลอดต่อ พอเห็นเตียงที่จะใช้คลอดแล้ว หวิว ๆ จัง ดูน่ากลัว ๆ มีขาหยั่งด้วย แต่เตียงมันทรงแปลก ๆ อ่ะ ตอนคลอด สามีที่ได้เข้าโรงการก็สามารถเข้ามาด้วยได้ แต่ถ้าใครกลัวเลือดต้องแจ้งพยาบาลไว้ด้วยนะจ๊ะ เพราะพยาบาลจะได้มาดูสามีด้วยอีกคน แต่ห้ามเอากล้องเข้ามาบันทึกภาพ

เมื่อเด็กคลอดมาแล้วก็จะย้ายไปทำความสะอาดห้องใกล้ ๆ รวมทั้งชั่งน้ำหนักวัดความยาว ติดป้ายชื่อ เด็กชายสีฟ้า เด็กหญิงสีชมพู เมื่อเสร็จแล้วก็จะพาลูกมาให้หัดดูดนมแม่ เพื่อกระตุ้นให้เต้านมแม่ มีน้ำนมออกมา และให้ลูกหัดดูดนมแม่เป็น เมื่อเค้าหิว อีกทั้งยังช่วยให้มดลูกกลับเข้าอู่เร็วด้วย

เสร็จแล้วก็มาดูวีดีโอ และเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการคลอด การฝึกหายใจ อาการเตือน หรือสัญญาณเตือนก่อนการคลอด และการเฝ้าจะวังต่าง ๆ โดยเริ่มจากการฝึกให้ใจ ซึ่งจะแบ่งเป็นช่วง ๆ ของการเจ็บท้องคลอด การฝึกการหายใจ ก็เพื่อช่วยให้เราสามารถส่งผ่านออกซิเจนไปยังลูกได้มากขึ้นด้วย เนื่องจาก ระหว่าที่เราเจ็บท้องนั้น มดลูกจะทำการบีบตัว ซึ่งทำให้กดเอาสายสะดือที่ส่งผ่านอาหารและอากาศจากแม่ไปสู่ลูกได้ ทำให้ลูกอาจได้รับออกซิเจนได้น้อยลง และหัวใจเต้นช้าลงได้

อีกทั้ง การฝึกหายใจ ยังช่วยให้เรามีแรงแบ่งลูกออกมาในระยะการแบ่ง ซึ่งคุณพยาบาลบอกว่า เหมือนกันการแบ่งถ่ายอุจจาระนั่นเอง ใครแบ่งถูกวิธีลูกก็ออกมาเร็ว ใครแบ่งผิดวิธี ก็หน้าดำหน้าแดง เส้นเลือดในตาแตกไปก็มี

นอกจากนี้ ก็ให้สังเกตอาการเตือนว่าเจ็บท้องจริงหรือไม่ โดยสังเกตว่า

1. จับเวลาอาการเจ็บท้อง ใน 10 นาที จะเจ็บมากกว่า 2 ครั้ง

2. น้ำเดิน โดยหากไม่แน่ใจให้ใส่แผ่นอนามัยไว้ สังเกตกลิ่น และสี

3. อาการปวดหลัง และปวดร้าวลงไปที่ขา

โดยหากมีอาการ อย่างใดอย่างหนึ่งให้รีบโทรมาสอบถาม เพื่อจะได้มาโรงพยาบาลได้ทันที เนื่องจาก แต่ละคนอาการเจ็บท้องคอลดไม่เหมือนกัน และถึงแม้จะเป็นครรภ์ที่ 2 ก้อาจไม่มีอาการแบบครรภ์แรกก็ได้ อืม น่ากลัวจังแฮะ

แล้วคุณพยาบาลก็กำชับเรื่องการนับจำนวนการดิ้นของลูกในแต่ละวัน เนื่องจากตอนนี้ พื้นที่ในท้องที่เค้าอยู่เริ่มแคบลงมากแล้ว ทำให้เค้าดิ้น หรือขยับตัวได้ยากขึ้น ต้องคอยสังเกตให้ดี เพื่อป้องกันอันตราย

กว่าจะเสร็จก็เที่ยงกว่า ๆ ได้ ออกมาข้างนอกหนาวมาก ฝนตกปรอย ๆ นึกว่าอยู่ลอนดอนเสียอีก 555 ก็ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนอ่ะ โดนความกดอากาศถล่มเสียงั้น ต้องคว้าเสื้อกันหนาวมาใส่ทีเดียว แล้วเรากับพี่ตู่ก็สรุปกันว่า จะเอาห้องพิเศษรวมเนี่ยแหละ เพราะถ้าห้องพิเศษเดี่ยวเดี๋ยวไม่มีใครมาอยู่อีก ถ้าเอาห้องพิเศษรวม กลางวันพี่ตู่มาอยู่ด้วยได้ กลางคืนไม่ต้องก็ได้ ไม่เป็นไร เพราะใกล้พยาบาลอยู่แล้ว

เสร็จแล้วก็ขับรถฝ่าฝนไปแพลตตินั่มต่อ เพราะอะไรหรอ ก็เพราะเราอยากได้เสื้อผ้าไว้ใส่ตอนหลังคลอด บ้าไปไหมเนื่ย 555 เดินหากางเกงกว่าจะได้ ได้กางเกงยางยืดขาบาน ๆ หน่อย มา 4 ตัว ตอนแรกเห็นมีกระดุมกับยางยืด แล้วเย็บเหมือนมีซิป พอกลับมาดูที่บ้าน อ้าว ไม่มีซิบซะงั้น ลองสวนแล้วก็ใส่ได้อยู่ แม้จะติดพุงใหญ่ ๆ ก็ตาม

แล้วก็ซื้อเสื้อมาอีก 3 ตัว ไปดูอยู่ร้านหนึ่ง คนขายทำท่าตกใจ ถามว่าใส่เองป่าว เพราะถ้าใส่เองคงใส่ไม่ได้ แหม ไม่ต้องบอกก็รู้ เลยแกล้งบอกไปว่าให้คนอื่นใส่ ทำเอาเราไม่อยากซื้อเสื้อต่อเลย

เสร็จแล้วก็กลับมาที่บ้าน เหนือย ๆ เหมือนกัน แถมแขนข้างที่ฉีดวัคซีนก็เริ่มปวดแล้วด้วย คงได้ระบมไปหลายวันที่เดียว ตอนนี้ก็รอ ๆ เมื่อไหร่จะได้คลอดเสียทีก็ไม่รู้เน้อ

เริ่มต้นการเตรียมของ “เจ้าเธียร์เตอร์”

เริ่มต้นการเตรียมของ เจ้าเธียร์เตอร์

วันหยุดที่ผ่านมา เริ่มต้นเตรียมข้าวของเจ้าเธียร์เตอร์บ้างแล้ว เตรียมของไปก็ฟังข่าวแผ่นดินไหว และ TSUNAMI ที่ญี่ปุ่นไปพลาง เหตุเกิดวันที่ 11/3/2011 ที่ผ่านมา เพราะห่วงยายเบ๊ตมาก ๆ โชคดีที่เมืองที่เบ๊ตอยู่ โดนแค่แผ่นดินไหว ไฟดับไปวันกว่า ๆ แต่ไม่โดน TSUNAMI ณ ตอนนี้ ญี่ปุ่นยังต้องระวังเรื่อง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดอีก หลังจากเพิ่งระเบิดไป 1 โรง เฮ้อ!!!! น่ากลัวจัง

ข้าวของเครื่องใช้เจ้าเธียร์เตอร์ที่ได้ทยอยซื้อไว้ แม้ตอนนี้จะยังไม่ครบก็ตาม ขาดแต่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ส่วนของหลัก ๆ ที่ต้องใช้ก็ซื้อเตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่ยังไม่ได้ซัก คราวนี้ก็เลยต้องมานั่งซักเสียที แต่ขี้คร้านจะซักหมดก็ไม่ไหว เพราะกะว่าจะซักด้วยมือ แถมตู้เก็บเสื้อผ้า พี่ตู่ก็ยังไม่ได้ซื้อ ต้องรอพี่ตู่เสร็จงานกลับมาจากชะอำก่อน

เราจึงต้องลงมือซักเสื้อผ้าลูกที่สามารถหาอะไรเก็บได้ก่อน มอง ๆ ไปก็มีแค่ ชุดไปเที่ยว 5 ชุด หมวก 3 ใบ และเสื้อกันหนาว 2 ตัวที่ถักไว้ให้ลูกแค่นั้น ที่เลือกซัก 2 อย่างนี้ก่อนก็เพราะ

  1. 1. ชุดไปเที่ยวที่ซื้อมา ร้านที่ขาย ขายมาพร้อมไม้แขวนแบบเป็นชุด และมีถุงพลาสติกคลุม ง่ายต่อการเก็บ

2. ส่วนเสื้อกันหนาว กับหมวกไหมพรม ก็จะเก็บใส่ไว้ในถุงพลาสติกที่ได้มาจากการซื้อผ้าอ้อม เพราะมีที่ติดอย่างดี

ซักแค่นี้ เล่นเอาเราหอบไปเลย แถมปวดหลังด้วย เพราะต้องแยกกันซัก แล้วก็มานั่งรื้อผ้าอ้อม กางเกงผ้าอ้อม เสื้อ กางเกง หมวก ถุงมือ ถุงเท้า มานั่งดึงเศษด้ายที่รุ่ย ๆ ออก เตรียมไว้ รอซักอีก นั่งทำไปก็เพลิน ชวนเธียร์เตอร์คุยไป ว่าออกมาจะใส่ได้ครบทุกชุดที่ซื้อให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะดูชุดที่ซื้อมาแล้ว มันดูเล็กน่าดู

เสร็จแล้วก็มานั่งไล่ดูใน List รายการของใช้ที่เตรียมไว้ ว่ายังขาดอะไรอีกบ้าง อะไรต้องซื้อเพิ่มบ้าง ก็ยังคงมีไม่กี่อย่างเหมือนเคย เช่น กระติกน้ำร้อน หม้อนึ่งไฟฟ้า (จะเอามานึ่งขวดนม แทนเครื่องนึ่งขวดนม) แล้วก็พวกสบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ขัน กะละมัง ผ้าห่ม (ลืมคิดไปว่ากลางคืนนอนเปิดแอร์ เวลาร้อน ๆ) ส่วนตู้ใส่เสื้อผ้าลูกนั้น พี่ตู่จะไปซื้อวันจันทร์ (14/03/2011) พร้อมกับไปเอาเสื่อญี่ปุ่นที่สั่งไว้ เพราะของเสร็จเรียบร้อยแล้ว

พอพี่ตู่ได้เสื้อมา คงได้เหนื่อยเก็บกวาดอีกแน่ เพราะต้องเอาที่นอนสปริงอันเก่าออก เปลี่ยนอันนี้เข้าไปแทน แล้วยังจะจัดนู่นนี่นั่นอีก เยอะมาก อยากทำให้ห้องดูกว้างที่สุด แต่ข้าวของเยอะมาก ๆๆๆๆๆ พอจัดที่หลับที่นอนแล้ว คงได้ซื้อโต๊ะ Computer มาแน่ เพื่อจะได้พับโต๊ะที่วางกลางห้องเก็บเสียที

ไม่รู้ว่า จะเก็บได้เรียบร้อยไหมนะ แต่ก็นั่นแหละ นี่ก็เกือบ ๆ จะ 36 Weeks แล้ว เหลืออีกไม่เท่าไหร่เอง คงต้องรีบ ๆ ลงมือทำให้เสร็จ ๆ เพราะกระเป๋าสำหรับเตรียมของใช้ในวันไปคลอดก็ยังไม่ได้เตรียมเลย เวรกรรมจริง ๆ เลยเรา เกิดคลอดมาตอนนี้ เจ้าเธียร์เตอร์คงได้แก้ผ้ากลับบ้านเป็นแน่ 5555

34 Weeks

34 Weeks

 

ตอนนี้ อยากเร่งวันเร่งคืนให้ผ่านไปเร็วจังเลย นี่ก็ครบ 34 weeks และกำลังก้าวเข้าสู่ 35 weeks แล้ว เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะครบ 40 weeks แล้วสิ ไม่รู้ว่า เจ้าเธียร์เตอร์จะออกมาดูโลกวันไหน ช่วงนี้ก็ได้แต่ลุ้นไปเรื่อย ๆ อยากให้ออกมาเสียวันนี้ พรุ่งนี้เลยเหมือนกัน ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะรู้สึกว่า เริ่มทำอะไร ๆ ไม่ค่อยถนัดแล้ว

ช่วงนี้ เริ่มมีคนทักว่าท้องลดแล้ว คาดว่า เธียร์เตอร์คงกลับหัวลงมาแล้วมั้ง? แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอให้คุณหมอ Ultrasound ดูอีกที นอกจากนี้ มีอาการท้องแข็ง และเหมือนจะเป็นบ่อยขึ้น มีอาการปวดท้อง คล้าย ๆ เหมือนปวดเวลาประจำเดือนมา และเริ่มปวดหน่วง ๆ แล้ว เดินแล้วก็จะเจ็บ นั่งก็เจ็บ เอ๊ะ! เอาไงดีเรา นอกจากนี้ก็ยังคงมีอากรนอนไม่หลับอยู่ และก็อาการขาบวม บวมทุกวันหลังจากกลับจากที่ทำงาน

แถมเจ้านายยังใช้คนท้องแก่ใกล้คลอดไปทำวีซ่าที่สถานทูตจีนอีก คนอย่างเยอะ อาทิตย์หน้าก็ต้องไปรับเล่มแล้ว นั่งรถไปแทบจะเป็นลม เพราะขนาดช่วงนี้เวลาพี่ตู่มารับไม่ได้ ก็จะนั่ง taxi กลับบ้านตลอด เปลืองเงินน่าดู แต่จะนั่งมอร์ไซค์รับจ้างก็ไม่ไหว เพราะบางคัน ขนาดเห็นว่าเราท้อง ยังขับไม่ค่อยจะระวังเลย แต่นั่ง taxi ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เวียนหัวจะอ้วกทุกครั้งที่นั่งเสียจริง ๆ

นอกจากนี้ ก็เหนื่อยง่าย พูดนิดหน่อยก็เริ่มเหนื่อยเสียแล้ว และอึดอัดมาก ตอนกลางวันเวลาทำงานก็ห่อข้าวมากิน เพราะไม่ค่อยอยากเดินมากเท่าไหร่ เบื่อ ๆ อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ตอนนี้ กำลังตั้งใจรอให้ถึงวันที่ลาหยุดไว้ เพราะใกล้ เข้ามาแล้ว งานทุกอย่างก็จัดการเรียบร้อย ไม่มีอะไรคั่งค้าง จะมีก็แต่ว่า….. ชั่งมันเถอะ เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เรารับรองว่า คนที่จะมาดูงานต่อจากเรา สามารถทำงานได้อย่างแน่นอน เพราะเราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งวิธีการทำงาน การติดต่อแต่ละแผนก แยกตามเรื่องที่เราทำ

ช่วงนี้ก็ภาวนาขอให้คุณหมอใจดี เขียนใบรับรองแพทย์ให้ลาหยุดเพิ่มเสียหน่อย อยากพักมาก ส่วนเจ้าเธียร์เตอร์ ก็ยังคงดิ้นเหมือนเดิม บางครั้งชอบแกล้งให้เราจิตตก คือ เหมือน ๆ เค้าจะไม่ดิ้น แต่จริง ๆ จากที่เราจด นับการดิ้นของเธียร์เตอร์ ทำให้รู้ว่า เค้าจะดิ้น แทบทุกชั่วโมง แต่เราคงวิตกจริตไปเอง เลยต้องมีเขย่าพุงบ้าง

พี่ตู่ก็จะเรียกให้เธียร์เตอร์ตื่นตอนหัวค่ำ เพราะจะได้นอนตอนดึก ออกมาจะได้ไม่ต้องปรับตัว เราก็บอกว่าไม่จริงหรอก ยังไง พอลูกออกมาก็ยังปรับตัวไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ ก็เริ่มจัดของ และเก็บบ้านอย่างเรียบร้อยไปบ้าง บางส่วนแล้ว เหลือแต่เตรียมของใช้เจ้าเธียร์เตอร์เท่านั้น ที่ยังไม่ได้เอาออกมาซักไว้เลย พี่ตู่บอกให้เอาลงเครื่องซักผ้า แต่เราก็ผ้าเสีย ก็เข้าใจแหละว่าพี่ตู่กลัวเราจะลำบาก เพราะถ้านั่งซักผ้า มันจะติดพุง แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อย ๆ ทำเอา

วันจันทร์ พี่ตู่ก็จะไปเอาเสื่อญี่ปุ่นที่สั่งไว้มาเปลี่ยนที่นอนอันเก่าออก และซื้อกล่องใส่เสื้อผ้าลูกมา ก็คงจะได้จัดห้องใหม่ให้เข้าที่เข้าทางได้เสียที ตอนนี้ ก็มานั่งนับเวลาถอยหลังไปได้แล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกันนะ

 

Previous Older Entries